
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
ผม สุกิจ บุญปก ปัจจุบันเป็น ตัวแทน(นายหน้า)บริษัท ประกันวินาศภัย จำกัด(โบรคเกอร์) ในเขต พื้นที่ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ,เป็น คัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ออนไลน์ ของบริษัท amazon.com ในประเทศไทย,เป็นมัคคุเทศก์(ภาษาอังกฤษ) ในจังหวัดชลบุรี,เคยเข้าหุ้นทำธุกิจ หมู่บ้านจัดสรรค์กับ เพื่อน ๆ เมื่อ ก่อนปี พ.ศ.2539 และ ก็เจอวิกฤต ปี พ.ศ.2540 และ2541 เหมือนผู้ประกอบการ หลายท่านที่ประสพเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่ ผม "ยังไม่ตาย" ประคับประคองชีวิต และ ครอบครัวน้อย ๆ ฝ่าคลื่นลมกลับมาตั้งหลักได้ไม่นอนแน่นิ่ง จมกองลงไปกับธรณี ก็ต้องนับว่า ผมยังโชคดีมีคนให้โอกาส และ ช่วยเหลือประคับประคองมาตลอด โดยเฉพาะ ภรรยา และ ลูกสาว ผมเริ่มทำงานมาตั้งแต่อายุ 17-18 ปี ปัจจุบันงานหลักก็ยังเป็นลูกจ้างของบริษัท เอกชนแห่งหนึ่ง ที่ดำเนินกิจการ รถเช่าเป็นอันดับ ต้น ๆ ของโลก ก็ต้องขอบคุณบริษัท ที่ให้โอกาสผมเมื่อ 6-7 ปีก่อนไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะต้องเลี้ยงดูครอบครัวอีกตั้ง 4 ชีวิต และก็มีความหวังอยู่ในใจเสมอมาว่าต้องมีกิจการห้างร้านเป็นของตนเอง จนในที่สุดก็มี ร้านค้าออนไลน์เป็นของตนเอง ในนามของบริษัท amazon.com ซึ่งก็มีสาขาตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั่วโลก และเปิดโอกาสให้คนทุกคนได้เข้ามามีส่วนในการจัดจำหน่ายสินค้าของเค้าโดยมีส่วนแบ่ง ๆ ให้ตามสมควร 4-25% (สินค้าแต่ละชนิด เปอร์เซ็นปันผลจะไม่เท่ากัน) ขอเพียงท่านมี เว็บไซต์ เป็นของตนเอง ก็สามารถเปิด บัญชีเป็นตัวแทน จำหน่ายสินค้ากับเค้าได้เลยและจ่ายเงินเป็น us dollah ด้วย ,เจตตนาของผม คือ ทำทุกอย่างที่จะเลี้ยงครอบครัวให้ได้ แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เพราะครอบครัวเราไม่มีเงินสำรองมากนัก ที่จะเปิดกิจการห้างร้านใหญ่โตอะไร เงินทุกบาทต้องมีคุณค่า แต่แล้ววันนึงข่าวร้ายก็มาเยือน กรมบังคับคดี สาขาพัทยามี เอกสารบังคับคดียึดบ้านที่ผมอาศัยอยู่ ที่ ๆลูกสาว ภรรยา และ แม่ยาย ใช้ หลับนอนอยู่เพียง หลังเดียว โดยที่ทางขบวนการ ศาล และกองบังคับคดี ไม่ให้ผมต่อสู้ใด ๆ เลย บอกเพียงแต่ว่า"เป็นขบวนการของชั้นศาล"ซึ่งเราผู้เป็นประชาชนไม่สามารถที่จะขัดขืนหรือ แก้ต่างอันใดได้เลย สาเหตุ มาจากการที่ผมไปลงหุ้นทำหมู่บ้านจัดสรร กับเพื่อน ๆ เมื่อ สิบปี ก่อน และจ่ายปันผลกันด้วย "บ้าน 1 หลัง" และ เงินสดอีกครึ่ง แต่เกิดวิกฤต ยุคสงครามอ่าวเปอร์เซีย และ วิกฤตค่าเงิน อ่อนตัวยุค พลเอก ชงลิต ยงใจยุทธ เป็น นายกฯ กิจการหลายอย่าง ในพัทยา ล้ม ระเนระนาด โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรร ผมก็ต้องหยุดผ่อนบ้าน และด้วยความไม่รู้ทันในช่องกฎหมาย จึงไม่ได้ไปต่อสู้ใน ศาลชั้นต้น แพ้คดีโดยถูกยึดบ้านหลังที่ได้มาจากการ ปันผล ของการลงทุนในกิจการบ้านจัดสรร กับเพื่อน และ แล้วเมื่อใกล้จะครบคดีความ 10 ปี(อีกแค่ 1 เดือน) ทนายของ ธนาคารฯ ที่เป็นโจทก์ ยื่นคำร้อง ขอต่อศาลจังหวัด ว่าสืบเจอทรัพย์ใหม่ของ ผม(เป็นบ้านที่กู้ร่วมกับ ภรรยา) เพราะทรัพย์ที่ยึดได้ไปเมื่อ เกือบ 10 ปี มาแล้วขายทอดตลาด แล้วไม่คุ้มกับหนี้ (ตอนกู้ เมื่อ 10 ปีก่อน กู้แค่ 150,000 บาท ขายทอดตลาด ไป เกือบ 300,000บาท ยังบอกไม่คุ้มหนี้.....ประเทศไทย ) ผมก็ต้องวิ่งหาเงินมาชำระให้เค้าให้ได้ ตั้งมูลฟ้องใหม่ รวม ดอกเบี้ย เกือบ 600,000บาท มิฉะนั้นจะยึดบ้านหลังใหม่ขายทอดตลาด เอาเงินมาแบ่งกัน กับอีกธนาคารหนึ่งที่ผมกู้ร่วม กันอยู่ปัจจุบัน ในที่สุดก็ประนีประนอมกันได้ระดับหนึ่ง ชะระหนี้กันไป แต่เงินที่ยืมมาก็เป็นเงินนอก ระบบดอกเบี้ยแพง ตัวผมก็ติด แปล็คลิส ธนาคารทุกแห่งไปโดยปริยาย ถึงแม้จะชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว แล้วภาครัฐก็รณรงค์จังว่าจะกวาดล้าง แหล่งผู้มีอิทธิพลที่ออกเงินกู้ ...จะเป็นไปได้อย่างไรครับในเมื่อภาครัฐร่วมกับ นายทุน บีบให้ประชาชน คนธรรมดา ต้องไปพึ่งพิง ผู้มีอิทธิพล(ซึ่งจริง ๆ แล้วเค้าอาจเป็นที่พึ่งในยามยากก็ได้....ใครกันแน่ผู้มีอิทธิพล)วงจรแบบนี้มีกันทั้งประเทศ จึงได้เกิดกลุ่มชนที่ไม่มีกฎหมายในมือ อาศัย กฎหมู่ ขึ้นมาสู้กับ อำนาจของผู้ที่ ออกกฎหมายโดยไม่เป็นธรรมดังได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ,แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รู้จัก ธุรกิจตัวหนึ่ง ซึ่งเพื่อนรุ่นพี่ของผมเค้านำมาคุยให้ฟัง และให้หนังสือ ของ เจ้าของกิจการ ท่านนึงที่เป็นผู้ผลิตซ็อส บรรจุจอง และอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่ กลุ่มบริษัทฯ นี้ เป็นผู้จัดจำหน่าย ให้กับ ร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด ที่ขึ้นชื่อระดับโลกที่มีสาขาในประเทศไทย ในหนังสือเล่มนั้นใช้ชื่อว่า "ธุรกิจพันล้านที่คน....เมิน" รายละเอียดหนังสือกล่าวถึง " ธุรกิจ....."ชนิดหนึ่งที่ ลำบากช่วงแรก แล้วตลอดชีวิตไม่ต้องวิ่งหาเงินอีกแล้ว แต่เงินจะ ....วิ่งมาหาเราเอง ในที่สุดผมก็ทราบแล้วว่าธุรกิจตัวนั้นคือ อะไร "เค้าให้จินตนาการว่า มีคนมาลงทุนให้เราเปิด ซุปเปอร์มาเก็ต ที่จัดจำหน่าย สินค้าบริโภค อุปโภคที่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน เป็นสินค้าที่ให้ทดลองใช้ได้ ไม่ดีคืนเงินตรงกับ นายทุนได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่าน เจ้าของซุปเปอร์มาเก็ต(ผู้ร่วมลงทุน) มี มาตรฐานอุตสากกรรม(ISO),กองงานอาหารและ ยา(อย.) รับรอง,มี สคบ.(สำนักงานคุ้มตรองผู้บริโภคอุปโภค) รับรองและตรวจสอบ ฟ้องร้องได้ ได้เงินคืน 100 เปอร์เซ็นต์ นายทุนจะจัดหาที่สต็อคสินค้า,งานบัญชี,งานขนส่ง,ระบบอินเตอร์เน็ตที่ใช้สั่ง ทางออนไลน์,ไม่ต้องมีลูกจ้าง,ไม่ต้องเปิดสำนักงานเพื่อ เป็นโชว์รูมไว้โชว์ลูกค้า,นายทุนยื่นภาษีให้กรมสรรพากรให้เสร็จ,ให้เราผู้ร่วมลงทุนทำแค่ใช้ผลิตภัณฑ์,นำเสนอผลิตภัณฑ์ แก่คนทั่วไป,ชักจูงคนให้มาร่วมเป็นหุ้นส่วน ด้วยทุนซื้อหุ้น เพียง 900 บาท และพอไม่สนใจอายุของการถือหุ้นมีระยะเวลาคืนใบหุ้นถึง 90 วัน(3 เดือน),แนะนำใครไม่ได้ ชักจูงใครไม่ได้ไม่เป็นไร....,แต่ถ้าแนะนำได้ ชักจูงคนมาร่วมหุ้นส่วนได้ มีกำไรเอามาแบ่งกัน แค่นั้น เอง" ตั้งแต่ปี 2530 ผมก็เริ่มงานเป็นลูกจ้างคนอื่นมาตลอด ปัจจุปันผ่านไป 21 ปี ผมก็ยังเป็นลูกจ้างคนอื่นอยู่ และอายุก็มากขึ้นจนใกล้เข้าวัยเกษียณเต็มที เหลือแรง เหลือ เวลาทำงานให้คนอื่นอีกไม่มาก แล้วเงินเก็บก็มีนิดหน่อย ลูกก็กำลังจะเรียนในชั้นที่สูงขึ้น ภรรยาก็มีอายุตัวเอง และอายุงานใกล้จะเกษียณเช่นกัน หลังเกษียณแล้วเราจะทำยังไงหากอายุยืนเกินไป เราจะตะหนี่ใช้เงินอย่างไรจึงจะพอมีเงินใช้จนหมดลมหายใจ ลูกเค้าจะลำบากลำบนเลี้ยงดูเราไหวหรือเปล่า?หรือที่ร้ายไปกว่านั้น หากเราเสียชีวิตกระทันหันเงินที่ทำ ประกันภัยไว้จะเลี้ยงดูคนที่อยู่หลังเราได้นาน เท่าไร? นี่คือจิตสำนึก ของคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวทีดีทุกคน ทุกคนมีโอกาสเกิดมาเป็นคนแค่ชาตินี้ชาติเดียว ชาติหน้าก็ไม่รู้จะเกิดเป็นอะไรเพราะไม่เคยเห็นคนที่ตายไปแล้วกลับมาบอกลูกบอกหลานว่าเป็นอยู่กันยังไงหลังตายไปแล้ว ผมไม่เคยปฎิเสธโอกาสที่มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างงานและเงินทำมาก็หลายอย่าง แต่ละอย่างที่ทำมาพอสร้างเงิน สร้างฐานะได้ซักพักก็เข้าวงจรขาลงของธุรกิจประเภทนั้น ในสูครของธุรกิจที่เคยได้รับรู้มา จะมีวงจร ดังนี้ คือ
(1)เริ่มสร้างตัว (2)เริ่มวิ่งขึ้นไต่ระดับ (3) ประสพความสำเร็จสูงสุด (4) เริ่มทรงตัว (5)เริ่มขาลง เป็นแบบนี้คล้าย ๆกันในโลกปัจจุบัน จนคนเราเสียสติกันมาก เพราะไม่สามารถควบคุมวงจรนี้ได้ สมองต้องทำงานตลอด บางคนประสพความสำเร็จ มีเงินมีทองมากมาย แต่ร่างกายถูก ใช้อย่างสมบุก สมบัน พอบั้นปลายเงินที่หามาได้ก็ต้องนำมารักษาตนเองจนหมด อย่าว่าแต่ในประเทศไทยเราเลยแม้แต่เมืองนอกก็มีวงจรลักษณะเดียวกันหมด ผมเลยใฝ่ฝันและจินตนาการว่าน่าจะมีธุรกิจที่ ทำลายวงจรลักษณะนี้ให้หมดไปจากโลกเรานี้ และในที่สุดผมก็ ไปสะดุดกับ ความรู้ และความน่าจะเป็นของธุริจนี้เข้า ด้วยสูตรการทำที่เค้ามีคนทำไว้แล้ว และพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง ตายแล้วเงินก็ยังโอนเข้าให้ในบัญชีได้จริง ๆ ที่เรียกว่า"เป็น ....มรดก",สินค้าก็เป็นของอุปโภค บริโภคจริง ๆ ,ไม่ดีก็นำไปคืนตรง กับนายทุนได้เลย ถ้ากลัวจะไปทะเลาะกับตัวแทนจำหน่าย ,ความตายเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ แต่ก่อนที่เราจะตายนี่ซิ เป็นเรื่องใหญ่ จะใช้ชีวิตอย่างไร ก่อนตาย จะกินยังไง จะอยู่ยังไง เมื่อเหลือแรงก็อกสุดท้าย และ โอกาสสุดท้ายอาจจะเป็นงานนี้ก็ได้ ผมจึงไม่เห็นที่จะต้องคิดมากอะไรจึงลงมือ เข้าเป็นหุ้นส่วนของธุรกิจนี้ ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยเพราะทุกอย่างคืนได้หมด จะมีบริษัทฯ ห้างร้านใด บนโลกใบนี้ให้ใช้ของฟรี ๆ ,ออกเอกสารผู้ถือหุ้นแล้วนำไปคืนได้ในราคาเต็ม(ถ้าเป็นซื้อหุ้นทั่วไป อาจคืนไม่ได้ แถมโดนฟ้องร้องอีก) ผมเองก็พึ่งเริ่ม ไม่เสียหายอะไรนี่ครับ ถ้าสำเร็จก็ไม่ต้องทำงานอีกแล้วตลอดชีวิต ไม่ต้องห่วงลูก ห่วงภรรยา ห่วงครอบครัวแล้วว่าจะอยู่อย่างไร นอนตายตาหลับครับ วันนี้ขอแนะนำแค่นี้ก่อนน๊ะครับ หากมีอะไรใหม่ ๆ จะนำมาเสนอให้รับทราบอีกในคราวต่อไป
สวัสดีครับ
ธุรกิจ แห่ง ชีวิต
สุกิจ บุญปก
e-mail:bpeter.p2@gmail.com
Tel :087-8330089